| ทีมงานเว็บไซต์กองอุตุนิยมวิทยาการบิน | |
เครื่องเรดาร์ที่ใช้ในกิจการของกรมอุตุึนิยมวิทยาในปัจจุบันมีกี่ชนิด
          
               กรมอุตุนิยมวิทยาได้จัดหาเครื่องเรดาร์ที่ทันสมัยเรียกว่า ดอปเปลอร์เรดาร์ไว้ใช้ในราชการของกรมฯตามความเหมาะสม
        ของจุดประสงค์ในการใช้ 3 ชนิดด้วยกัน  ซึ่งจะเรียกเรดาร์ทั้ง 3 ชนิดนี้ว่า เรดาร์ตรวจอากาศ 
1. เรดาร์ตรวจอากาศ X-band เป็นเรดาร์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับใช้ตรวจวัดฝนกำลังอ่อนถึงกำลังปานกลาง 
          รัศมีทำการ100 กม. และรัศมีหวังผล 60 กม. เนื่อง จากเป็นเรดาร์ขนาดเล็ก มีความยาวคลื่นสั้น เมื่อกระทบเป้าจะมีการสูญเสีย
          พลังงานเนื่องจากเป้ามากทำให้เป้าของฝนที่ตรวจได้จากจอเรดาร์มีขนาดและรูปร่าง ผิดจากความเป็นจริงไปมาก
          
          2. เรดาร์ตรวจอากาศ C-band เป็นเรดาร์ขนาดปานกลาง เหมาะสำหรับใช้ตรวจวัดฝนกำลังปานกลางถึงกำลังแรง 
          รัศมีทำการ 450 กม. และรัศมีหวังผล 230 กม. เนื่องจากเป็นเรดาร์ขนาดปานกลางเมื่อกระทบเป้าจะมีการสูญเสียพลังงาน
          เนื่องจากเป้าบ้างพอสมควร ทำให้เป้าของฝนที่ตรวจได้จากจอเรดาร์มีขนาดและรูปร่างผิดจากความเป็นจริงไปบ้าง 
          มีราคาแพงกว่าและค่าบำรุงรักษามากกว่าเรดาร์ X-band
          
          3. เรดาร์ตรวจอากาศ S-band เป็นเรดาร์ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับใช้ตรวจวัดฝนกำลังแรงถึงกำลังแรงมาก รัศมีทำการ 550 กม.
          และรัศมีหวังผล 230 กม. เนื่องจากเป็นเรดาร์ขนาดใหญ่เมื่อกระทบเป้าจะไม่มีการสูญเสียพลังงานเนื่องจากเป้าเลย ทำให้เป้า
          ของฝนที่ตรวจได้จากจอเรดาร์มีขนาดและรูปร่างผิดจากความเป็น จริงน้อยมากหรือไม่ผิดเลย เป็นเรดาร์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด 
          มีราคาแพงกว่า และค่าบำรุงรักษามากกว่าเรดาร์ C-band และ X-band
        

.jpg)
ประโยชน์ของเรดาร์ตรวจอากาศมีอะไรบ้าง
          
               เรดาร์มีประโยชน์มากในกิจการอุตุนิยมวิทยาเพราะเรดาร์สามารถตรวจจับและรายงานผลการตรวจในขณะที่ปรากฎการณ์ต่างๆ
          กำัลังเกิดขึ้นจริง (Real Time Observation) ในบริเวณที่ห่างออกไปจากสถานีเรดาร์หลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งไม่สามารถ
          มองเห็นได้ด้วยสายตาปกติและด้วยการนำเอาวิทยาการอันทันสมัยของคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้กับเครื่องเรดาร์ 
        ก็ยิ่งทำให้เพิ่มความรวดเร็วในการทำงานของเรดาร์ยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามสามารถจำแนกประโยชน์ของเรดาร์ได้ดังนี้
1. ใช้ตรวจจับหาบริเวณที่มีฝนหรือฝนฟ้าคะนอง รวมทั้งรายงานความแรงทิศทางและความเร็วในการเคลื่อนตัวของกลุ่มฝนนั้นๆด้วย
          2. ใช้ตรวจและติดตามการเคลื่อนตัว รวมทั้งหาศูนย์กลางของพายุหมุน เช่น พายุโซนร้อน พายุไต้ฝุ่น เป็นต้น
          3. ใช้ตรวจหิมะ ลูกเห็บ เมฆ
          4. ช่วยในการพยากรณ์อากาศระยะสั้น
          5. ใช้วิเคราะห์ทิศทางและความเร็วลมชั้นบนในระดับต่างๆ
          6. ช่วยในการเตือนภัยและเตรียมการป้องกันน้ำท่วม
        
      








